12 เพชรแฟนซี ยอดนิยมตลอดกาล กับเคล็ดลับการเลือกซื้อ

เพชร
/ 6 มีนาคม 2025

การที่คุณทราบว่า เพชรแฟนซี แบบไหนได้รับความนิยม จะช่วยทำให้คุณตัดสินใจเลือกรูปทรงเพชรได้ง่ายขึ้น

196149

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่ง ที่ชอบความแตกต่างไม่ชอบเหมือนคนอื่น เพชรแฟนซี ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีไม่น้อย!

ลูกค้าหลายท่านที่เราเคยให้บริการ เมื่อได้มีโอกาสสะสมเพชรกลมจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ก็มักจะหันมาให้ความสนใจกับการเก็บ เพชรแฟนซี กันมากขึ้น

เพราะคนส่วนใหญ่ มักจะรู้จักแต่เพชรกลม การที่คุณสวมใส่เพชรทรงอื่นที่ดูแปลกหูแปลกตา เช่น เพชรรูปหัวใจ หรือเพชรสี่เหลี่ยม จึงเป็นอีกหนึ่งสีสันในชีวิต ที่เพชรแท้นั้นสามารถมอบให้คุณและคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

เพชรแฟนซี แต่ละแบบจะมีรูปร่างที่ต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลไปถึงคุณภาพ ความสวยงาม และราคาที่ต่างกัน

ในบทความนี้ เราจึงตั้งใจมาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับเพชรรูปทรงต่างๆ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพื่อให้คุณสามารถนำไปประกอบการตัดสินใจ เลือกรูปทรงเพชรที่ถูกใจ ไว้เชยชมไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานครับ

diamond-size-shape-chart

12 เพชรแฟนซี ที่ได้รับความนิยมสูงสุด

1. เพชรกลม (Round Brilliant Cut Diamond)

round-diamonds

หากไม่พูดถึงคงจะเป็นไม่ได้ นั่นก็คือ เพชรกลม รูปทรงเพชรที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดตลอดกาล ซึ่งคิดเป็นจำนวนกว่า 2 ใน 3 ของเพชรที่ซื้อขายกันทั่วโลก

จุดเริ่มต้นของความนิยม คาดว่ามาจากหนังสือของ Marcel Tolkowsky ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1919 ซึ่งวิเคราะห์เกี่ยวกับการสะท้อนและหักเหของแสงในเพชร โดยเขาได้พูดถึงเพชรกลมไว้ ว่าเป็นรูปทรงที่สามารถแสดงประกายไฟได้ดีที่สุด จนกลายเป็นที่ฮือฮาในวงกว้าง ส่งผลให้เพชรกลมได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนถึงปัจจุบัน

รูปทรงของเพชรกลมที่ขัดเกลามาเป็นอย่างดี จะสามารถสะท้อนแสงไฟได้ดี ทำให้เพชรดูมีประกายวูบวาบ ด้วยหน้าเพชรทั้งหมดกว่า 58 ด้าน

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

คุณภาพของการเจียระไนเพชร (Diamond Cut Quality) นั้นถือเป็นหัวใจของการเลือกเพชร เพราะจะส่งผลต่อความงดงามได้มากที่สุด เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นเพชรน้ำงาม 100% (D-Color) ก็สามารถดูหม่นหมองได้หาก Cut ไม่สวย

เพราะฉะนั้น หากคุณกำลังซื้อเพชรมีใบเซอร์ GIA หรือ HRD คุณควรสังเกตให้ดีว่าในส่วนของ Cut เป็นเพชรเจียระไน 3 Excellence หรืออย่างน้อยควรเป็น Very Good เพื่อให้เพชรดูมีประกายงดงาม

big-diamond-engagement-ring

ข้อดี

เหตุผลที่เพชรกลมได้รับความนิยมนั้นมีหลายประการ โดยหลักๆ คือเพชรกลมนั้นสามารถแสดงประกายไฟได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังมอบลุคที่ดูคลาสสิกตลอดกาลการให้แก่ผู้สวมใส่

เพชรกลมจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมในการสั่งทำแหวนเพชรแต่งงาน สร้อยคอเพชร และเครื่องประดับเพชรอื่นๆ

อ่านเพิ่มเติม: เพชร 1 กะรัตราคาเท่าไร? ซื้อเพชรให้เก่งแบบมือโปร!

2. เพชรปริ้นเซส / เพชรสี่เหลี่ยม (Princess Cut Diamond)

princess_diamonds

เพชรปริ้นเซสคัต ถือเป็นเพชรแฟนซีที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับ 2 รองจากเพชรกลม

ตามหลักแล้ว เพชรปริ้นเซสคัตที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะดูเล่นไฟได้ดีเหนือกว่าเพชรแฟนซีอื่นๆ ที่มีรูปทรงใกล้เคียงกัน นอกจากนี้หากคุณโชคดี อาจจะได้พบเห็นเพชรปริ้นเซสคัตทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอีกด้วย (หายาก)

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

ขอบเพชรปริ้นเซสคัตทั้งสี่มุมนั้นเป็นปลายแหลม ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ขอบบิ่นหรือแตก จึงแนะนำให้ฝังลงตัวเรือนด้วยหนามเตยให้ครบทั้ง 4 ด้าน อีกทั้งยังสามารถช่วยซ่อนตำหนิได้เป็นอย่างดี

princess-diamond-ring

ข้อดี

เพชรปริ้นเซสคัตเป็นรูปทรงเพชร ที่มอบลุคสไตล์คลาสสิกให้แก่ผู้สวมใส่ ในขณะที่ยังมีความสามารถเล่นประกายไฟได้ดีไม่แพ้เพชรกลม และที่สำคัญเพชรปริ้นเซสคัตยังมีราคาประหยัดกว่าเพชรกลมพอสมควรอีกด้วย

3. เพชรเอมเมอรัล / เพชรสี่เหลี่ยม (Emerald Cut Diamond)

emerald_diamonds

ชื่อของเอมเมอรัลคัต นั้นมาจากเทคนิคการเจียระไนมรกตที่ช่างในสมัยก่อนนิยมใช้กัน ในภายหลังเมื่อได้มีการนำมาประยุกต์ใช้เจียระไนเพชรด้วย จึงกลายเป็นเหลี่ยมเพชรเอมเมอรัลคัต

เพชรเอมเมอรัลคัต จะมีจุดเด่นตรงพื้นที่หน้าเพชรที่กว้างกว่าเหลี่ยมอื่นๆ จึงสามารถรับแสงไฟได้กว่า ในการไปสะท้อนกับส่วนเส้นตรงภายใน ที่เจียระไนเหมือนขั้นบันได

สำหรับเพชรรูปทรงนี้ ที่เห็นกันบ่อยจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ความจริงแล้วมีแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้วยเช่นกัน

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

เนื่องจากเพชรเอมเมอรัลคัตมีหน้ากว้างมาก หากมีตำหนิก็จะสามารถเห็นได้ง่ายกว่าเพชรทรงอื่นๆ เราจึงแนะนำให้คุณเลือก Clarity ไม่ต่ำกว่า VS2 เพื่อให้มั่นใจว่าตำหนิจะไม่ขึ้นที่หน้าอย่างชัดเจน

emerald-diamond-ring

ข้อดี

ข้อได้เปรียบหลักของเพชรเอมเมอรัลคัต คือเป็นรูปทรงเพชรที่โชว์ความยิ่งใหญ่ได้อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับเพชรอื่นๆ ในน้ำหนักกะรัตเดียวกัน จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด แต่ต้องการสวมใส่เพชรเม็ดโต

4. เพชรคุชชัน / เพชรสี่เหลี่ยมขอบมน (Cushion Cut Diamond)

cushion_diamonds

เพชรคุชชันคัต มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมขอบมน ที่ดูแล้วคล้ายๆ กับหมอนอิง (Cushion) และเนื่องจากส่วนที่โค้งงอที่เจียระไนมาเป็นอย่างดี จึงทำให้สามารถนำพาแสงไฟได้ระยิบระยับมาก

เพชรคุชชันคัต มีความแตกต่างจากเพชรรูปทรงอื่น ตรงที่มีตัวเลือกย่อยให้คุณเลือกสรรหลากหลายแบบ เช่น แบบปกติ (Standard) แบบประยุกต์ (Modified) และแบบโมเดิร์น (Modern)

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

เพื่อให้แน่ใจว่าเพชรคุชชันคัตของคุณ จะดูสมส่วนและเล่นไฟได้อย่างดีเยี่ยม จึงแนะนำให้คุณมองหาแบบที่มีความลึกและหน้ากว้างไม่เกิน 70%

cushion-diamond-halo-ring

ข้อดี

เนื่องจากเพชรคุชชันคัตมีหลายตัวเลือก คุณจึงสามารถนำมาออกแบบได้ตามที่คุณชอบ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกหรูหรา และเป็นแฟชั่นคลาสสิกที่มีกลิ่นอายของความโมเดิร์นอยู่

5. เพชรแอชเชอร์ (Asscher Cut Diamond)

asscher-diamonds

เพชรแอชเชอร์คัต มีจุดเนิดจากบริษัทเจียระไนเพชร Asscher Brothers of Holland ที่เริ่มเจียระไนเพชรรูปทรงนี้ครั้งแรก ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 1902 และได้รับความนิยม 100 ปีให้หลังตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2002 หลังจากที่มีการดัดแปลงวิธีการเจียระไนเล็กน้อย

เพชรรูปทรงนี้ เป็นอีกตัวเลือกที่ดูดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเอมเมอรัลคัตอยู่แล้ว เพราะมีความคล้ายกันมาก แต่แอชเชอร์คัตจะมีหน้ากว้างเล็กกว่า และมีลูกเล่นขั้นบันไดที่ลึกกว่า การเล่นไฟจึงมาจากภายในตัวเพชรอย่างแท้จริง

ขอบที่ได้รับการเจียระไนให้ดูมนของเพชรทรงนี้ เป็นการเพิ่มรสชาติของความเก๋ไก๋ แถมยังทำให้เพชรดูแล้วรู้สึกมั่นคงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

เมื่อพูดถึง Color แล้ว เพชรแอชเชอร์คัตจะไม่สามารถซ่อนสีที่แท้จริงได้ดีเท่าเพชรกลมหรือปริ้นเซสคัต และเนื่องจากเพชรทรงนี้ถูกเจียระไนมา เพื่อให้ดูมีความชัดเจนและความมันเงาเป็นพิเศษ จึงไม่สามารถซ่อนตำหนิได้ เพราะฉะนั้นเราจึงแนะนำให้คุณเลือก Color ที่สูงกว่า H และ Clarity ที่สูงกว่า VS ถ้าหากต้องการซื้อเพชรทรงนี้

ข้อดี

เนื่องจากเพชรแอชเชอร์คัตมีส่วนฐานเพชร (Pavilion) ที่ลึก และรายละเอียดเรื่องความแม่นยำค่อนข้างเยอะ จึงเป็นที่หลงรักของใครหลายคนไปโดยปริยาย เพราะถึงแม้ว่าจะดูแล้วคล้ายๆ กับเพชรเอมเมอรัลคัต แต่จริงๆ แล้วเพชรแอชเชอร์คัตนั้นจะดูมีประกายไฟมากกว่าเล็กน้อย เพราะมีส่วนบนของเพชร (Crown) ที่สูงกว่า

6. เพชรหยดน้ำ (Pear Shaped Diamond)

pear_diamonds

ด้วยรูปทรงกลมมนที่ไปประจบกันอย่างลงตัวที่ปลายแหลมดั่งหยดน้ำ จึงทำให้เพชรทรงหยดน้ำได้รับการยอมรับในความคลาสสิกลงตัว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นทรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาอย่างแท้จริง

เพชรหยดน้ำที่นำมาประดับแหวนเพชร มักจะให้ปลายแหลมชี้เข้าตัวมาทางด้านหัวใจของผู้สวมใส่ เพื่อแทนสัญลักษณ์แห่งความรักที่มุ่งมั่นและแน่นอน

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

เพชรทรงหยดน้ำ จะมีจุดเด่นอยู่ที่เงาบนส่วนกลางของหน้าเพชร ที่จะมีรูปทรงเหมือนหูกระต่าย คุณควรจะเลือกดูว่าเงานั้นมีความเหมาะสม ไม่มากเกินและไม่น้อยเกิน หรือคุณอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยดูให้จะดีมาก

ข้อดี

เพชรหยดน้ำนั้นมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอย่างบอกไม่ถูก จึงเหมาะแก่การนำมาประดับแหวนเพชรแต่งงานเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นรูปทรงเพชรที่หายาก จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนอกเหนือจากเพชรกลมทั่วไป และที่สำคัญเพชรทรงหยดน้ำสามารถซ่อนตำหนิเพชรได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

7. เพชรวงรี (Oval Cut Diamond)

oval_diamonds

เนื่องจากเพชรวงรี มีรูปทรงและเหลี่ยมคล้ายเพชรกลม จึงมีลักษณะการเล่นไฟคล้ายกันมากเช่นกัน แต่ยังคงให้ลุคที่ดูแตกต่างเพราะหน้ากว้างที่ยาวกว่า ทำให้เพชรดูมีขนาดใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับเพชรทรงอื่นในน้ำหนักกะรัตเดียวกัน

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

การเลือกซื้อเพชรทรงวงรี จะมีวิธีคล้ายๆ กับการดูเพชรทรงหยดน้ำ คือให้คุณสังเกตที่ความเข้มของเงาหูกระต่ายหน้าเพชรว่ามีมากน้อยแค่ไหน

oval-diamond-ring

ข้อดี

เพชรวงรีมีข้อได้เปรียบในแง่ของความทนทาน เนื่องจากไม่มีขอบหรือมุมแหลม จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการแตกหัก อีกทั้งยังมีรูปทรงคล้ายๆ เพชรกลมในราคาที่ย่อมเยากว่าด้วย

8. เพชรรูปหัวใจ (Heart Shaped Diamond)

heart_diamonds

เพชรรูปหัวใจ คือที่สุดแห่งสัญลักษณ์ในการแสดงความรัก ด้วยรูปทรงหัวใจที่ดูโดดเด่นเมื่อนำไปประกอบกับตัวเรือนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแหวนเพชร จี้เพชร ต่างหูเพชร หรือเครื่องประดับเพชรอื่นๆ

เพชรรูปหัวใจแต่ละเม็ด มีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในด้านความกว้างและความยาว ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของคุณล้วนๆ

โดยปกติแล้ว เพชรรูปหัวใจควรจะมีสัดส่วนที่สมมาตรกันทั้งซ้ายขวา เพื่อที่เพชรจะได้ดูสมส่วนและมีเนื้ออิ่ม นอกจากนี้คุณควรเช็กให้ดีในส่วนปลายแหลม ว่ามีความชัดเจนดีหรือไม่ และต้องไม่แตกหักหรือบิดงอ

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

เนื่องด้วยลักษณะรูปทรงของเพชรหัวใจ ที่มีความแตกต่างจากทรงอื่นๆ อย่างชัดเจน คุณควรเลือกซื้อเพชรรูปหัวใจที่มีน้ำหนักกะรัตมากกว่า 1 หรือ 2 กะรัต ในการเป็นเพชรเม็ดหลักของตัวเรือน เพื่อให้มีโดดความเด่นอย่างงดงาม

หากคุณเลือกซื้อเพชรรูปหัวใจ ที่มีน้ำหนักกะรัตน้อย การเลือกตัวเรือนฝังแบบหนามเตย 3 หนามมักเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะจะช่วยเน้นในส่วนขอบของหัวใจให้ดูสะดุดตามากยิ่งขึ้น

heart-diamond-ring

ข้อดี

นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความรักแล้ว เพชรรูปหัวใจเป็นรูปทรงที่จำเป็นต้องได้รับเจียระไนอย่างละเอียดที่สุด (Premium Cut) ส่งผลให้มีโอกาสที่มูลค่าในอนาคตของเพชรหัวใจจะเพิ่มขึ้นสูงด้วยเช่นกัน (Growing Value Over Time)

9. เพชรเรเดียน (Radiant Cut Diamond)

radiant_diamonds

เพชรเรเดียนคัต ได้รับความนิยมในช่วงปี ค.ศ. 1980 จากความงดงามของประกายไฟ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นรองเพียงแค่เพชรกลม

เพชรรูปทรงนี้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีหน้าเพชรจำนวนมากกระจุกอยู่ตรงส่วนรอบๆ เพชร ซึ่งทำให้สามารถส่งมอบประกายไฟออกมาได้อย่างเยี่ยมยอด

นอกจากนี้ส่วนของขอบที่เป็นเหลี่ยมตัดนั้น ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการ Match กับเพชรกลม หรือเพชรเหลี่ยม บนเครื่องประดับเพชรชิ้นเดียวกันอีกด้วย

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

โดยทั่วไป การสังเกต Color ที่แตกต่างของเพชรเรเดียนคัตด้วยตาเปล่านั้น จะทำได้ยากกว่าเพชรรูปทรงอื่นๆ คุณจึงสามารถเลือกซื้อเพชรทรงนี้ตั้งแต่น้ำ 96% (H Color) ขึ้นไปก็ดูขาวเพียงพอแล้ว แล้วสามารถนำงบประมาณที่มีอยู่ไปลงทุนอัปเกรดในส่วนของ Cut ให้งามยิ่งขึ้นได้

radiant-diamond-ring.JPG

ข้อดี

เนื่องจากเพชรเรเดียนคัต เกิดจากการเจียระไนให้มีหน้าเพชรและเหลี่ยมมุมจำนวนมาก จนดูคล้ายกับก้อนน้ำแข็งร้าว จึงถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะทำให้สามารถซ่อนตำหนิเพชรได้ดีกว่าเพชรทรงอื่นๆ อีกทั้งส่วนขอบตัดจะช่วยเสริมความคงทนของเพชร ทำให้เหมาะกับผู้ที่ใช้ชีวิตแบบ Active Lifestyle

10. เพชรมาร์คีย์ (Marquise Cut Diamond)

marquise_diamonds

ตามตำนานว่ากันว่า เพชรทรงมาร์คีย์นั้นได้ถือกำเนิดขึ้น เมื่อกษัตริย์หลุยส์ที่ 14 (King Louis XIV) แห่งประเทศฝรั่งเศส ทรงรับสั่งให้ช่างเจียระไนเพชรตามรูปทรงของปากนางสนมที่พระองค์ทรงโปรดปรานเป็นพิเศษ หลังจากนั้นเพชรมาร์คีย์จึงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ด้วยรูปทรงที่เรียวอวบเปรียบเสมือนเมล็ดข้าว เมื่อมองในแนวนอนคล้ายดวงตาที่งดงาม จึงช่วยเสริมภาพลักษณ์ของนิ้วผู้สวมใส่ให้ดูเรียวยาวสวยงามยิ่งขึ้น

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

เนื่องจากเพชรมาร์คีย์มีรูปทรงเรียวยาว ความสมมาตรจึงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ เมื่อคุณคิดจะเลือกเพชรทรงนี้ โดยคุณควรตรวจสอบให้มั่นใจว่า ปลายแหลมทั้งสองฝั่งที่โค้งประจบเข้าหากันนั้น อยู่ในองศาระนาบเดียวกันที่ 180 องศา

เมื่อเพชรทรงนี้ประดับอยู่บนตัวเรือน หนามเตยทั้งสองข้างจะจับเข้ากับปลายแหลมทั้งซ้ายขวา เพื่อไม่ให้เกิดการเลื่อนไปมา เพราะฉะนั้นหากตำหนิเพชรยิ่งอยู่ส่วนปลายมากเท่าไร ก็จะดีมากเท่านั้นสำหรับเพชรมาร์คีย์

marquise-diamond-ring

ข้อดี

รูปทรงที่ยาวกว่าทั่วไปของเพชรมาร์คีย์ จะทำให้เพชรดูโตกว่าเพชรอื่นๆ ในน้ำหนักกะรัตเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยทำให้นิ้วของผู้สวมใส่ดูผอมและยาวขึ้น จึงเหมาะกับผู้ที่มีโครงนิ้วอ้วนท้วมเป็นพิเศษ

11. เพชรบาเก็ต (Baguette Cut Diamond)

baguette-cut-diamond

เพชรทรงบาเก็ต มีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้วยหน้าเพชร 24 ด้าน ขอบที่คู่ขนานกันเป็นเส้นตรงยาว และความโปร่งใสของเพชรที่โดดเด่นกว่าเพชรทรงอื่นๆ

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

เพชรบาเก็ต มักนิยมใช้เป็นเพชรขนาดเล็ก ในการประดับรอบๆ เพชรเม็ดโต เพราะจะเน้นย้ำให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น โดยจะช่วยไม่ให้ดึงดูดความสนใจจากเพชรเม็ดหลัก

นอกจากนี้ หลายคนนิยมเพชรบาเก็ตมาใช้ประกอบรวมกัน ให้ดูราวกับเป็นเพชรเม็ดใหญ่เม็ดเดียว (Illusion Cut) เพราะจะช่วยประหยัดงบประมาณกว่าการซื้อเพชรเม็ดเดี่ยวมากเลยทีเดียว

ข้อดี

ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีหน้ากว้าง เพชรบาเก็ตนั้นจะดูราวกับมีน้ำหนักกะรัตมากกว่าที่เป็น อีกทั้ง Clarity ที่ชัดเจน และความสมมาตรที่เรียบง่าย จึงเป็นเครื่องหมายแสดงความคลาสสิกตลอดกาล

12. เพชรสามเหลี่ยม (Trillion Cut Diamond)

trillion-cut-diamond

เพชรทรงสามเหลี่ยม เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชอบอะไรที่แปลกแหวกแนว เพราะเพชรทรงนี้ไม่ใช่ทั้งกลมหรือเหลี่ยม แต่เป็นสามเหลี่ยมที่ไม่เหมือนทรงไหนเลย

และด้วยความสามารถในการเล่นประกายไฟได้ดูนุ่มลึก พร้อมสะกดทุกสายตา ทำให้เพชรสามเหลี่ยมนั้นดูมีความเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างง่ายดาย

เคล็ดลับการเลือกซื้อ

เพชรสามเหลี่ยม เหมาะนำมาใช้ประดับเป็นเพชรเม็ดหลักในแหวนเพชรแต่งงาน หรือใช้เป็นเพชรตกแต่งรอบๆ ก็ได้หากเป็นเพชรขนาดเล็ก และเมื่อคุณสั่งทำแหวนเพชรสามเหลี่ยม เราขอแนะนำให้คุณเลือกแบบที่มีหนามเตยมาจับทั้งสามมุมของเหลี่ยมไว้ เพื่อปกป้องไม่ให้ส่วนแหลมของเพชรไปกระทบกับสิ่งของ

ข้อดี

ด้วยรูปทรงที่มีเอกลักษณ์ของเพชรสามเหลี่ยม จึงทำให้ผู้สวมใส่ดูเป็นคนที่กระฉับกระเฉง ว่องไว และดูทันสมัยเป็นพิเศษ อีกทั้งความกว้างเป็นพิเศษของหน้าเพชรสามเหลี่ยม ทำให้เพชรทรงนี้ดูใหญ่กว่าเพชรอื่นๆ ในกะรัตเดียวกันอีกด้วย

รูปทรงเพชร VS การเจียระไนเพชร - ต่างกันอย่างไร?

perfect-vs-poorcut

คำว่า รูปทรงเพชร (Diamond Shape) และ การเจียระไนเพชร (Diamond Cut) มักจะมีหลายคนที่ยังคงเข้าใจผิดอยู่ เพราะคิดว่าเหมือนกัน แต่ที่จริงแล้วทั้งสองคำนั้นมีความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง

  • รูปทรงเพชร หมายถึง สิ่งที่เราอธิบายมาตั้งแต่แรกในบทความนี้ นั่นก็คือลักษณะทางกายภาพภายนอกของเพชร ที่เป็นสิ่งจำแนกเพชรตามรูปทรง เช่น เพชรกลม เพชรรูปหัวใจ เพชรสี่เหลี่ยม
  • การเจียระไนเพชร หมายถึง ความสมมาตร คุณภาพของรายละเอียด ความกว้าง ความลึก ฯลฯ ซึ่งส่งผลโดยตรงไปยังความสามารถในการเล่นไฟ หรือความดูมีประกายของเพชร

ยกตัวอย่าง เพชรปริ้นเซสคัตเม็ดหนึ่งอาจจะมีงานเจียระไนที่ดูลึกเกิน จึงทำให้ดูไม่เล่นไฟ ก็อาจเรียกได้ว่าการเจียระไนเพชรไม่ดี แต่เมื่อพูดถึงรูปทรงก็ยังคงเป็นเพชรปริ้นเซสคัตอยู่ดี ไม่สามารถกลายเป็นเพชรทรงอื่นไปได้ เพราะฉะนั้นหากคุณเลือกเพชรปริ้นเซสคัตที่มีคุณภาพการเจียระไนดี ก็จะทำให้เพชรเม็ดนั้นดูดีมีมูลค่าไปด้วย

อ่านเพิ่มเติม: เพชรเบลเยียม คือ อะไร? ต่างจากเพชรอินเดีย เพชรรัสเซียอย่างไร?

สรุป: เพชรแฟนซี อาจเป็นคำตอบสุดท้ายของคุณ!

การที่คุณมีความรู้ในเพชรแฟนซีรูปทรงต่างๆ ถือเป็นการเปิดโอกาสเพิ่มตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับการซื้อเพชรในครั้งหน้าของคุณ ซึ่งไม่ว่าคุณจะซื้อเพชรออนไลน์หรือหน้าร้าน เรายินดีให้คุณนำข้อมูลที่เราเขียนในบทความนี้ไปแบ่งปันกับเพื่อนๆ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจซื้อเพชรทุกท่าน

ท้ายที่สุดนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อเพชร คือการเลือกเพชรให้เหมาะสมกับบุคลิก ลักษณะนิสัย สไตล์การแต่งตัว หรือโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น หากคุณกำลังมองหาแหวนเพชรแต่งงาน คุณก็ควรจะเช็กให้มั่นใจว่าเขาจะรักแหวนเพชรวงนั้นจริงๆ และจะยังรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้นำแหวนเพชรวงนั้นมาสวมใส่

หากคุณยังไม่แน่ใจ ว่าควรเลือกเพชรแฟนซีรูปทรงไหนดี สามารถติดต่อเรา เพื่อให้เราช่วยคัดเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับคุณได้

อ่านเพิ่มเติม: 15 แบบแหวนเพชร เจาะลึกทุกสไตล์ฮิต ที่คุณจำเป็นต้องรู้ตอนนี้